ใครไม่รู้จัก Al Core คงเชยน่าดู เพราะอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนนี้ ออกมารณรงค์เรื่องโลกร้อน และนำความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเปิดเใครไม่รู้จัก Al Core คงเชยน่าดู เพราะอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนนี้ ออกมารณรงค์เรื่องโลกร้อนมานานแล้ว และนำความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเปิดเผยเป็นหนัง “Inconvenient Truth” ให้โลกตะลึงกันไปเมื่อหลายปีก่อน มาล่าสุดก็มีทำอีบุ๊กบน iPad ออกมาในชื่อ Our Choice ซึ่งผมก็มีโอกาสได้ดูผ่านๆ ยังไม่ได้อ่านอย่างจริงจัง แต่แค่พลิกๆ ดูก็ยังเห็นว่าน่าสนใจ จนอดไม่ได้ที่จะนำมาแนะนำในวันนี้
หนังสือเล่มนี้ หากคุณไม่อ่าน คุณจะใช้ “ดู” ก็ได้ เพราะไม่ได้มีแค่ตัวหนังสืออย่างเดียว แต่มีทั้งภาพ วิดีโอ แอนนิเมชัน ที่ดูแล้วน่าสนใจทั้งสิ้น โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่าเป็น interactive นั้น เราสามารถให้นิ้วเลื่อนปรับข้อมูล เช่น ในบทที่พูดถึงพลังงานลม ก็มีแผนที่ของอเมริกา แล้วให้เราเอานิ้วจิ้มไปตรงส่วนต่างๆ ของแผนที่ ก็จะมีข้อมูล pop-up ขึ้นมาบอกว่าบริเวณที่เราชี้อยู่นั้น สามารถตั้งกังหันลมได้กี่ % ความเร็วลมเท่าไหร่ ผลิตไฟฟ้าได้แค่ไหน เป็นต้น
และที่ผมชอบเอาไปใช้หลอกเด็ก (และผู้ใหญ่ คือ เขาจะมีรูปกราฟิกเป็นกังหัน แล้วพอเราเป่าลมไปที่กังหัน มันก็จะหมุนเลย เป้าแรงก็หมุนเร็วด้วย ไม่ได้เล่นกล (หลักการ คือ เขาให้เป่าลมเข้าไปที่ไมค์ของเครื่อง iPad แล้วดักจับจากเสียงลมนั้น นับว่า ฉลาดมาก)
ด้านเนื้อหาในเล่ม บอกถึงเรื่องราวของการใช้พลังงานของประชากรโลก และผลกระทบต่างๆ เขาว่า ตอนนี้เหมือนเรามาถึงทางแยกที่เราต้องเลือกแล้วว่า เราจะเลือกทางไหน นั่นคือที่มาของชื่อหนังสือ Our Choice นั่นเอง ซึ่งการเลือกในครั้งนี้ มันหมายถึงการเลือกเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป ซึ่งผมก็นึกถึงลูกชายซึ่งยังต้องอยู่กับโลกนี้อีกหลายสิบปี และเขาจะเผชิญกับอนาคตที่เป็นอย่างไร มันก็ขึ้นกับคนรุ่นเราๆ ในขณะนี้ที่จะเลือก
ทางเลือกในหนังสือนี้ คือ พูดถึงพลังงานทางเลือกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ความร้อนใต้พิภพ นิวเคลียร์ ปัจจัยที่มีผล ไม่ว่าเรื่องของประชากรที่เพิ่มขึ้น บริโภคมากขึ้น การเมืองระดับโลกที่ยังเป็นอุปสรรค เป็นต้น
ผมดูหนังสือเล่มนี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกอยากจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง อะไรที่เป็นรูปธรรมกว่า แค่การบอกว่าจะประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ แต่ต้องเป็นการทำจริงๆ มีการวัดผลกันจริงๆ เช่น วัดกันเลยว่า ใช้น้ำ ไฟไปกี่ยูนิต ใช้น้ำมันไปกี่ลิตร ขยะกี่กิโล จะลดการสิ้นเปลืองอย่างไร ทำแล้ววัดผลกันเลย เคยอ่านเหมือนกันที่มีคนตั้งเป้าจะลดคาร์บอนเครดิตส่วนตัวลง 1 ล้านตันต่อปี ดูเป็นไอเดียที่น่าสนใจ
เรื่องนี้ นักเรียนควรอ่านไหม ถ้าถามผม ผมก็ว่า ม ต้น น่าจะรับรู้เรื่องเหล่านี้ นี่คืออนาคตของเขาเอง อย่ามัวคิดว่า จะต้องเรียนแค่ คณิต วิทย์ อังกฤษ แต่นี่มันคือชีวิตในอนาคตเลยแหล่ะ เป็นเรื่องระดับประเทศ ระดับโลกที่จะต้องให้ความสนใจทีเดียว
มีตัวอย่างในบทที่ 4 เรื่องพลังงานลม เขามีเรื่องของ เด็กหนุ่มจากประเทศ มาลาวี ที่ต้องออกจากโรงเรียนเพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสีย แต่เขาไปอ่าน text book เล่มหนึ่งที่มีรูปกังหันลมที่หน้าปก และนั่นเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดจะสร้างกังหันลมขึ้นมา (ทั้งๆ ที่ในหนังสือเล่มนั้นไม่ได้บอกว่าต้องสร้างอย่างไร) กังหันลมอันแรกที่สร้างขึ้นมาในปี 2006 ตอนนั้นเขาอายุ 14 (เทียบกับเด็กไทยก็ประมาณ ม 3) เอาซากชิ้นส่วนจักรยาน พัดลม เก่าๆ ของพ่อ มาทำเป็นกังหัน ตอนแรกคนทั่วไปก็คิดว่า “มันบ้าไปแล้ว” เพราะความไม่รู้ว่า เด็กคนนี้กำลังทำอะไร แต่พอทำเสร็จ กังหันลมผลิตไฟฟ้ามาชาร์จแบตเตอรี่ได้ เอาไฟฟ้ามาเปิดไฟ เปิดวิทยุได้ คนจึงเริ่มเข้าใจ
เด็กคนนี้อยากเรียนต่อให้จบ แล้วฝันว่าจะเปิดบริษัทที่ผลิตกังหันลมสำหรับประเทศของเขา
ถึงตรงนี้ อย่ามาถามผมอีกว่า ลูกคุณควรอ่านไหม ไอ้ความที่เด็กไทยไม่อ่านอะไรอย่างอื่นนอกจากตำราเรียน นี่แหล่ะที่ทำให้เด็กไม่มีความฝันสำหรับโลกในความจริง แต่ฝันลมๆ แล้งๆ ไปเรื่อยๆ และไม่ได้ลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากความสำเร็จส่วนบุคคลเท่านั้น