มาช่วยกันแก้วิกฤตของการศึกษาไทยกันอีกแรง

ห่างหายไปหลายวันเลย ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่ามีเขียนบล็อกให้ได้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 เื่รื่อง วันนี้ขอนำเอาบทความอันหนึ่งจากนิตยสาร THE Journal ฉบับ มิย-กค 2011 มาเล่าให้ฟังว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจ ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่า นิตยสารนี้เป็นนิตยสารที่เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับเปลี่ยน (Tranกsform) การศึกษา ในฉบับนี้มีบทความน่าสนใจเรื่องหนึ่ง คือ การสำรวจดูการใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอนของครูและนักเรียน

ผลจากการสำรวจที่น่าประหลาดใจในประเทศของเขาก็คือ แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีให้ใช้ แต่ครูกว่า 63% ไม่ใช้เทคโนโลยีใดๆ เลย (ไม่ใช้เลยจริงๆ และไม่เฉพาะโรงเรียนที่ไม่มีให้ใช้) เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงโครงการติดตั้งโปรเจ็กเตอร์ในห้องเรียนเมื่อ 2 ปี ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบอายุการใช้งานของหลอดไฟในเครื่องโปรเจ็กเตอร์ ก็ประหลาดใจไม่แพ้กันว่า เพิ่งมีการใช้งานไป 20-50 ชั่วโมงเอง ในช่วงเวลา 2 ปี!!!

และไม่ต้องประหลาดใจอีก เพราะในเมื่อครูก็ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีในการสอน การที่เด็กจะได้ใช้เทคโนโลยีในห้องเรียนเพื่อการเรียนก็ยิ่งน้อยลงไปอีก (73%) ทั้งๆ ที่มีผลการวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่า เมื่อเด็กใช้เทคโนโลยีในการเรียนจะมีผลดีมากกว่าการเรียนโดยไม่ใช้เทคโนโลยีเลย

เมื่อสัมภาษณ์ครูและผู้บริหารโรงเรียนว่าทำไมไม่ใช้เทคโนโลยี ข้อมูลที่ได้รับ คือ ขาดการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวลาเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ และไม่มีทรัพยากร

ครูได้ยกตัวอย่างว่า ตนเองได้รับการอบรมเพื่อใช้เทคโนโลยี แล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยให้คิดเอาเองว่าจะใช้ในการเรียนการสอนอย่างไร ในระหว่างครูด้วยกันเองก็ขาดการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนกัน ทุกคนคิดว่าตัวเองทำงานโดดเดี่ยวในการผลักดันเทคโนโลยีเหล่านี้ ในขณะที่ผู้บริหารก็เพียงแ่ต่แสดงความต้องการว่าอยากให้ครูใช้เทคโนโลยี แ่ต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ หรืออะไรที่จะส่งเสริม วัดผลอย่างจริงจัง ท้ายที่สุด ครูก็เรียนรู้ว่า แม้จะไม่ได้ใช้เทคโนโลยี ก็ไม่ได้มีผลลบอะไรกับตนเอง

ในบทความ เขายังเล่าตัวอย่างสิ่งที่พบในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ใช้กระดานอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในต่างประเทศใช้มาก โดยในกรณีศึกษานี้ พบว่าครูใช้กระดานไฮเทคนี้น้อยมาก (น้อยกว่า 2%) ทั้งนี้มีการจัดเวิร์กชอปให้ครู 2 วัน จากนั้นอีก 2 เดือนก็ติดตั้ง และใช้งานในสัปดาห์ถัดมา ปรากฎว่าครูลืมหมดแล้ว และด้วยความที่ไม่อยาก “ดูแย่” ในสายตานักเรียน เพราะใช้ไม่เป็น ก็เลยไม่ใช้ซะก็สิ้นเรื่อง

อ่านจากเรื่องนี้แล้ว เราคงต้องคิดแล้วว่า หากจะให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน ให้เกิดการใช้จริง เพื่อให้เกิดประโยชน์นั้น ไม่ใช่แค่เพียงซื้อมาติดตั้ง และสอนให้ใช้งานเป็นเท่านั้น แต่ต้องลงลึกไปอีกว่า ครูในแต่ละวิชาจะเอาเทคโนโลยีไปใช้ในการสอนแต่ละสาระได้อย่างไร (อาจไม่จำเป็นต้องครบทุกสาระ) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันระหว่างครู และผู้ที่ชำนาญด้านเทคโนโลยีก็จะช่วยให้มีไอเดียดีๆ ในการนำไปใช้ได้ต่อเนื่อง และในวงกว้าง เป็นต้น ความจริงยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องทำ หากเอาพูดกันคงไม่จบแน่ ข้ามไปดีกว่า

ในความเห็นส่วนตัว ผมกลับคิดว่า เราไม่ไ้ด้จำเป็นต้องเทคโนโลยีสุดล้ำ บางทีแค่การนำภาพ นำ VDO หรือเพาเวอร์พอยต์ มาเปิดให้ดู ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งแล้ว เอาสิ่งที่มีอยู่แล้วในเว็บ โดยค้นหาจากอินเตอร์เน็ต เอา VDO จาก Youtube หรือแหล่งอื่นๆ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ถูกทางแล้ว

หลังจากนั้น ก็อาจจะลองค้นหาสื่อการเรียนการสอนที่คนอื่นเขาทำเอาไว้ เรามารีวิวดูว่า เขาทำได้ดีไหม อันไหนดีเอามาเลย เอามาหลายๆ แบบ ให้นักเรียนดู (เผื่อว่า เด็กไม่เข้าใจอันหนึ่ง ก็อาจเข้าใจจากสื่ออีกอันหนึ่งก็ได้) ในเมื่อเราไม่เก่งทำ เราก็เก่งใช้สื่อที่คนอื่นทำซิ ถึงเวลาเราอยากจะลองทำ ก็ค่อยไปศึกษาเพิ่มเติม

ผมคิดว่า อุปสรรคใหญ่ๆ ที่เราจะต้องเอาชนะให้ได้ คือ การยอมรับว่าเทคโนโลยีมันเข้ามานานแล้ว หลีกมันไม่พ้น เราจะบอกว่า “ไม่ต้องการเรียนเทคโนโลยีใหม่” ไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด คือ เลิกกลัวเสียหน้า กลัวที่จะไม่เก่งในสายตาคนอื่น จนไม่เปิดรับอะไรใหม่ๆ ยอมรับได้แล้วว่า ในโลกนี้มีอะไรอีกมากที่เราไม่รู้ ต่อให้เราเป็นคนที่สอนคนอื่น แต่ก็มีเรื่องอื่นที่เราอาจต้องเรียนจากเขา

ผมเคยมีความคิดว่า ในเมื่อครูไม่เก่งเทคโนโลยี ในขณะที่เด็กในห้องอย่างน้อยต้องมีสัก 1-2 คนที่ใช้เทคโนโลยีเป็น ทำไมจึงไม่นำเด็กกลุ่มที่เก่งเทคโนโลยีมาส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เช่น เด็กช่วยครูแก้ปัญหาด้านเทคนิค เด็กก็ได้คะแนน ได้โอกาสต่อยอดด้านการศึกษา ไม่ใช่ถูกใช้ประโยชน์ฝ่ายเดียว เป็นต้น

ผมเริ่มคิดถึงตรงนี้ ก็เพราะว่า ผมเริ่มเห็นมีการอบรมครุใช้ iPad ในโรงเรียน และตอนนี้ผลการเลือกตั้งก็ออกมาแล้ว สัญญาที่บอกว่าจะแจก Tablet PC ให้นักเรียนตั้งแต่ ป 1 เป็นเรื่องที่น่าจับตาดูว่า ตกลงทำแน่ใช่ไหม จะแจกอะไร ของดีจริงหรือเปล่า และจะทำแบบที่เคยทำหรือเปล่า คือ เอาเงินประชาชนมาผลาญ โดยการแจกไป แล้วสุดท้ายไม่มีกระบวนการอื่นรองรับ ทำให้เงินที่เสียไป ไม่เกิดประโยชน์จริง (แต่คนในรัฐบาลใหม่คงจะึิคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่า ตัวเองจะไ้ด้ไปเครื่องละกี่บาท) การศึกษาไทยยังคงจะน่าห่วงไปอีกนานแสนนานแน่นอนครับ หากหลายๆ อย่างยังไม่เปลี่ยน

Comments on: "ทำไมจึงไม่ใช้่เทคโนโลยีในการเรียนการสอนกันนะ" (1)

  1. สุรพัฒณ์ วิเศษพจนกิจ said:

    แวะมาอ่านครับ เรื่องการทำเทคโนโลยีไปใช้ในการศึกษานี้ต้องผลักดันกันอีกหลายยกเลย

ใส่ความเห็น